วิธีการตรวจพิสูจน์พ่อลูก ทำได้กี่แบบ และแบบไหนแม่นยำที่สุด
การตรวจพิสูจน์ความเป็นพ่อ-ลูก (Paternity Test) เป็นกระบวนการทางพันธุกรรมที่ใช้เพื่อยืนยันหรือปฏิเสธความสัมพันธ์ทางสายเลือดระหว่างบุคคล ซึ่งในปัจจุบันเทคโนโลยีด้านพันธุกรรมได้พัฒนาไปมาก ทำให้การตรวจมีความแม่นยำสูงและใช้เวลารวดเร็วขึ้นกว่าสมัยก่อนมาก
🔬 วิธีการตรวจพิสูจน์พ่อลูกที่นิยมใช้
-
การตรวจจากเลือด (Blood Test)
เป็นวิธีดั้งเดิมที่ใช้เปรียบเทียบหมู่เลือดหรือยีนบางส่วนระหว่างพ่อและลูก แม้จะให้ข้อมูลพื้นฐานได้ แต่ไม่สามารถยืนยันความสัมพันธ์ได้แน่นอน 100% เนื่องจากหมู่เลือดมีโอกาสซ้ำกันในคนทั่วไป -
การตรวจ DNA จากตัวอย่างเซลล์ (DNA Test)
ปัจจุบันเป็นวิธีที่นิยมและแม่นยำที่สุด โดยเก็บตัวอย่างเซลล์จากกระพุ้งแก้ม น้ำลาย หรือรากผมของพ่อและลูก จากนั้นนำมาวิเคราะห์ลำดับดีเอ็นเอเพื่อตรวจความสัมพันธ์ทางพันธุกรรม ซึ่งมีความแม่นยำมากกว่า 99.99% -
การตรวจจากตัวอย่างทางอ้อม (Indirect DNA Test)
ในกรณีที่ไม่สามารถเก็บตัวอย่างจากพ่อโดยตรง เช่น พ่อเสียชีวิตหรือไม่อยู่ใกล้ตัว อาจใช้ตัวอย่างจากญาติทางสายเลือด เช่น ปู่ ย่า หรือพี่น้อง เพื่อวิเคราะห์ทางอ้อมได้ -
การตรวจก่อนคลอด (Prenatal Paternity Test)
สำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ สามารถตรวจดีเอ็นเอของทารกในครรภ์จากเลือดของแม่ได้โดยไม่ต้องเจาะน้ำคร่ำ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ปลอดภัยและได้รับความนิยมมากขึ้น
✅ วิธีที่ดีที่สุดและแม่นยำที่สุด
จากทุกวิธีที่กล่าวมา การตรวจ DNA จากตัวอย่างเซลล์ ถือเป็นมาตรฐานที่แม่นยำที่สุดในปัจจุบัน เพราะสามารถยืนยันความสัมพันธ์ทางสายเลือดได้อย่างชัดเจนและปลอดภัย การตรวจประเภทนี้ถูกนำมาใช้ในหลากหลายกรณี เช่น ด้านกฎหมาย การยืนยันสิทธิ์การเลี้ยงดูบุตร หรือเพื่อความมั่นใจส่วนบุคคล
ปัจจุบันในประเทศไทยมีหลายห้องปฏิบัติการที่ได้รับมาตรฐานในการตรวจ DNA หนึ่งในนั้นคือ ATGenes บริษัทแอทยีนส์ จำกัด ซึ่งให้บริการวิเคราะห์ทางพันธุกรรมหลากหลายรูปแบบ รวมถึงการตรวจพิสูจน์ความสัมพันธ์ทางสายเลือด โดยเน้นความถูกต้อง ความปลอดภัยของข้อมูล และการรักษาความลับของผู้เข้ารับการตรวจ

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น